หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2567

สถานที่ไหว้พระขอพร

สถานที่ไหว้พระ

1. วัดพระแก้ว (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม)

 เป็นวัดสำคัญในประเทศไทย ตั้งอยู่ภายในพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของไทยวัดพระแก้วเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8:30 น. ถึง 15:30 น. ค่าเข้าชมสำหรับชาวไทย 50 บาท และสำหรับชาวต่างชาติ 400 บาทรายละเอียด: ตั้งอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง มีพระแก้วมรกตเป็นพระประธาน

สิ่งเซ่นไหว้: ดอกไม้, ธูป, เทียน

บทขอพร: “ขอให้ข้าพเจ้ามีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตและการงาน”

หากคุณสนใจที่จะเยี่ยมชมวัดพระแก้ว คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของวัดพระแก้ว: https://www.royalgrandpalace.th/th/home

   

 
                                                

2. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร[2] และเป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทั้งยังเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศด้วย เนื่องจากเป็นที่รวมจารึกสรรพวิชาหลายแขนง และทางยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2551[3] และวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ทางยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนจารึกวัดโพธิ์จำนวน 1,440 ชิ้น เป็นมรดกความทรงจำโลกในทะเบียนนานาชาติ เป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์

รายละเอียด: มีพระนอนขนาดใหญ่ และเป็นที่เรียนรู้แพทย์แผนโบราณ

สิ่งเซ่นไหว้: ผลไม้, ข้าวตอก, ดอกบัว

บทขอพร: “ขอให้สุขภาพแข็งแรงและมีความสงบในใจ”

เว็บไซต์ของวัดโพธิ์: https://www.watpho.org/en/home

3. วัดอรุณราชวราราม

หรือ วัดแจ้ง เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 ในสมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ระหว่างคลองวัดแจ้งกับพระราชวังเดิมทางทิศตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยอยุธยามีมาก่อนรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีชื่อเดิมว่า วัดบางมะกอก หรือ วัดมะกอก ชื่อวัดอรุณหรือวัดแจ้งมาจากชื่อที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีพระราชทานนามให้หลังจากเสด็จยกทัพกลับมาเป็นเวลาเช้ารุ่งอรุณที่หน้าวัดแห่งนี้หลังจากกอบกู้กรุงศรีอยุธยาหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองระยา

สิ่งเซ่นไหว้: น้ำอบ, ธูป, เทียน

บทขอพร: “ขอให้ชีวิตมีแสงสว่างและโชคลาภ”

เว็บไซต์นี้มีบทความแนะนำเกี่ยวกับวัดอรุณ  https://th.trip.com/hot/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%93/

4. วัดสุทัศน์เทพวราราม

สร้างขึ้นระหว่าง ปี พ.ศ. 2350-2351 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 เดิมพระราชทานนามว่า “วัดมหาสุทธาวาส” ต่อมาได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระวิหารขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานของ พระศรีศากยมุนี หรือ พระโต พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์พระร่วงของยุคสุโขทัยที่อันเชิญมาจาก พระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย ทว่าพระวิหารยังไม่ทันสร้างเสร็จก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน ผู้คนจึงเรียกวัดแห่งนี้ด้วยนามที่เรียบง่ายว่า วัดพระโต วัดพระใหญ่ หรือ วัดเสาชิงช้า

รายละเอียด: มีเจ้าแม่กวนอิม และเป็นที่นิยมในด้านความรัก

สิ่งเซ่นไหว้: ดอกไม้สด, ขนมหวาน

บทขอพร: “ขอให้มีความรักและความสุขในชีวิต”

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับวัดสุทัศน์เทพวราราม

http://www.resource.lib.su.ac.th/rattanakosin/index.php/2014-10-27-08-52-05/2014-10-29-02-26-23/2015-10-19-03-26-15/2017-03-14-06-20-57

5. วัดหลวงพ่อโสธร 

เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ภายในประดิษฐาน หลวงพ่อพระพุทธโสธร หรือที่เรียกกันว่า หลวงพ่อโสธร พระพุทธรูปปางสมาธิ ลงรักปิดทองแบบสมัยล้านช้าง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองฉะเชิงเทรา เดิมวัดแห่งนี้มีชื่อว่า วัดหงส์ เนื่องจากมีเสาหงส์อยู่ภายในวัด เล่ากันว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย โดยฝีมือชาวมอญ ต่อมาพายุใหญ่ได้พัดเอาตัวหงส์ที่อยู่บนยอดเสาหักพังลงมาเหลือแต่เสา ชาวบ้านจึงนำผ้าขึ้นไปผูกแทน นานเข้าผู้คนจึงพากันเรียกชื่อตามภาพที่เห็นว่า วัดเสาธง หลังเวลาผ่านไปเสาถูกแดดลมกัดกร่อน เมื่อถูกพายุจึงหักลงมาเป็นสองท่อน ชาวบ้านจึงพากันเรียกชื่อวัดว่า วัดเสาธงทอน ตามลักษณะการหัก

หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 165 เซนติเมตร สูง 198 เซนติเมตร ประทับอยู่เหนือบัลลังก์ 4 ชั้น ปูลาดด้วยผ้าทิพย์ ซึ่งหมายถึงการอยู่สูงสุด เป็นพุทธเหนืออริยบุคคล 4 คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ ตามประวัติเล่าว่า เดิมเป็นพระพุทธธูปหล่อด้วยสัมฤทธิ์ ปางสมาธิ หน้าตักกว้างศอกเศษ รูปทรงสวยงาม ภายหลังพระสงฆ์ภายในวัดเห็นความงดงามนี้จะเป็นอันตรายต่อองค์พระเอง จึงได้ช่วยกันนำปูนมาพอกเสริมปั้นหุ้มองค์เดิมไว้ พระพุทธโสธรที่เห็นในปัจจุบันจึงเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทอง พระพักตร์แบบศิลปะล้านนา พระเกตุมาลาแบบปลี ความกว้างของพระเพลา 3 ศอก 5 นิ้ว หรือ 1 เมตร 65 เซนติเมตร สูง 1 เมตร 98 เซนติเมตร

คาถาหลวงพ่อโสธร (ฉบับย่อ)

          ตั้งนะโม 3 จบ

          อิติ อิติ อิติ โสธโร นะโมพุทธายะ ยะธาพุทธโมนะ

สิ่งเซ่นไหว้:  ปอกไข่ต้ม 3 ฟอง เปิดน้ำเปล่า, น้ำปลา, หมาก-พลู

บทขอพร:เรื่อง "ขอบุตร" ห้าม "ขอไม่ให้เป็นทหาร"

http://www.chachoengsao.go.th/

6. วัดมหาธาตุ

เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เดิมเป็นวัดราษฎร์ ชื่อ วัดสลัก สร้างในสมัยอยุธยา ส่วนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี และทรงสร้างพระบรมมหาราชวังเป็นที่ประทับ และสร้างพระราชวังบวรสถานมงคลเป็นที่ประทับสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล นั้น วัดสลักเป็นวัดที่อยู่กึ่งกลางระหว่างพระบรมมหาราชวังกับพระราชวังบวรสถานมงคล สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดสลักเมื่อ พ.ศ. 2326 พร้อมกับการก่อสร้างพระราชวังบวรสถานมงคล จากนั้นทรงเปลี่ยนชื่อวัดจากวัดสลักเป็นวัดนิพพานาราม เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ใช้วัดนิพพานารามเป็นสถานที่ทำสังคายนาในปี พ.ศ. 2331 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดพระศรีสรรเพชญ” และใน พ.ศ. 2346 พระราชทานนามใหม่ว่าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรมหาวิหาร ตามชื่อวัดในกรุงศรีอยุธยาที่เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช

รายละเอียด: มีพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นสถานที่ทำสมาธิ

สิ่งเซ่นไหว้: น้ำมนต์, ดอกบัว

บทขอพร: “ขอให้ได้พบกับทางที่ถูกต้องและเจริญในธรรม”

7. วัดสระเกศ (ภูเขาทอง)

เป็นพระอารามหลวงชั้นโท เป็นวัดโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา อยู่ริมคลองมหานาค นอกกำแพงเมือง เดิมชื่อ “วัดสระแก”บนยอดสุวรรณบรรพตเป็นที่ตั้งพระเจดีย์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับจากประเทศอินเดีย ถือเป็นปูชนียสถานและสะดือเมือง รวมทั้งเป็นสัญลักษณ์อยู่คู่วัดสระเกศพระอุโบสถ ผนังภายในมีภาพจิตรกรรมของเดิม สมัยรัชกาลที่ 3 ปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 7 ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ พระประธานพระเจดีย์เหลี่ยม ย่อมุมไม้สิบสอง ก่ออิฐถือปูน รายรอบพระอุโบสถ ภายในกำแพงแก้ว จำนวน 12 องค์

🏰พระวิหาร สร้างในรัชกาลที่ 3 ห้องด้านตะวันออกประดิษฐานพระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร พระพุทธรูปสำริด ปางประทานอภัย สมัยสุโขทัย ขนาดใหญ่ โปรดให้อัญเชิญมาจากวัดวิหารทอง จังหวัดพิษณุโลก ห้องด้านตะวันตกประดิษฐาน หลวงพ่อดุสิต พระพุทธรูปหล่อ ปิดทอง ปางมารวิชัย

รายละเอียด: มีเจดีย์สีทองสูงตั้งอยู่บนยอดเขา

สิ่งเซ่นไหว้: ดอกไม้, ข้าวตอก

บทขอพร: “ขอให้มีความโชคดีและประสบความสำเร็จในทุกสิ่ง”

https://th.trip.com/moments/detail/bangkok-191-122905687/

8. ศาลหลักเมือง

เป็นศาลที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ตามธรรมเนียมพิธีพราหมณ์ว่า ก่อนที่จะสร้างเมืองจะต้องทำพิธียกเสาหลักเมืองในที่อันเป็นชัยภูมิสำคัญ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมือง

รายละเอียด: เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ เชื่อกันว่าเป็นที่อยู่ของพระหลักเมือง

สิ่งเซ่นไหว้: ข้าวเหนียวมูน, ดอกไม้

บทขอพร: “ขอให้มีความเจริญรุ่งเรืองในธุรกิจและการงาน”




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

  การทำนายดวงของบุคคลสำคัญ เรื่องที่ 1: การทำนายดวงของอับราฮัม ลินคอล์น มีบันทึกเล่าขานว่าอับราฮัม ลินคอล์น อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา...